จากกรณีที่มีรายงานข่าวจากสำนักข่าวของช่องอรุณอัมรินทร์ ถึงว่าที่เจ้าสาวที่ชื่อ หมวย หายตัวไปจากงานแต่งงานโดยก่อนหายตัวได้บอกกับทางบ้านว่าจะไปกดเงินค่าสินสอด
ซึ่งตอนนี้ก็ผ่านไปหลายวันแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวีแววว่าจะพบตัวว่าที่เจ้าสาวคนดังกล่าว ซึ่งทางบ้านครอบครัวของว่าที่เจ้าสาวเองก็ได้ออกตามหาตามโรงพยาบาลใกล้บ้านแต่ก็ยังไม่พบ ตอนนี้ก็ได้ติดต่อหาหมอดูไปแล้วเป็นจำนวนเกือบ 10 คนซึ่งทุกคนต่างก็พากันบอกว่าลูกสาวตนยังมีชีวิตอยู่
และยังวนเวียนอยู่ในหมู่บ้าน อีกไม่เกิน 5 วันก็จะกลับมา ซึ้งทางแม่ของว่าที่เจ้าสาวก็ได้ฝากผ่านสื่อว่าอยากให้ลูกสาวกลับมาเร็วๆ มีอะไรให้กลับมาคุยกัน พ่อแม่เป็นห่วงและพร้อมจะให้อภัย และลูกลูกของหมวยเองก็ร้องไห้หาแม่ตลอด อยากให้กลับมาหาลูก
ในขณะเดียวกันได้มีชาวบ้านผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณ 50 ปีได้ให้เบาะแสกับผู้สื่อข่าวว่า ก่อนหน้าที่ว่าที่เจ้าสาวจะหายตัวไป ช่วงเวลาหกโมงเช้าในขณะที่เขาขี่รถจักรยานยนต์ผ่านไปทางหมู่บ้านหนองกูด ตนเห็นว่าที่เจ้าสาวกำลังนั่งคุยโทรศัพท์ใกล้สระน้ำซึ่งดูจากสีหน้าแววตาแล้ว
หมวยมีหน้าตาที่เคร่งเครียดมากตอนที่คุยโทรศัพท์ซึ่งชายคนดังกล่าวไม่ได้สนใจอะไร และพอขับรถผ่านมาเส้นทางเดิมตอนประมาณสิบโมงเช้า เขาก็ยังเห็นว่าที่เจ้าสาวนั่งอยู่ที่เดิมแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร ขณะเดียวกับมีชาวบ้านอีกคนได้บอกว่าประมาณ สิบเอ็ดโมงเช้าเขาเห็นว่าที่เจ้าสาวขี่รถจักรยานยนต์ออกไปทางหมู่บานคุ้มน้อย
จากเบาะแสที่ชาวบ้านได้ให้มาอาจจะสรุปได้ว่า ว่าที่เจ้าสาวเป็นฝ่ายที่หนีงานแต่งงานจริง เธอไม่ได้ประสบอุบัติเหตุระหว่างทางไปกดเงินแน่นอน ซึ่งจากการให้ข้อมูลที่บอกว่าเธอคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดอาจเป็นไปได้ว่าเธอกำลังมีปัญหาที่ไม่สบายใจที่คุยกับปลายสาย
เธออาจจะถูกข่มขู่หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่เธอไม่ควรทำให้พ่อแม่ญาติพี่น้องเสียหน้าด้วยการหนีงานแต่งงานแบบนี้ อีกทั้งยังปล่อยให้พ่อแม่เสียเงินค่าจัดงานไปแล้ว หากเปลี่ยนใจไม่อยากแต่งหรือมีเหตุจำเป็นอะไรก็ควรคุยกับว่าที่เจ้าบ่าวให้ชัดเจน เพราะเขาเองและญาติๆ พ่อแม่พี่น้อง ก็ต้องมาเสียหน้าเพราะเจ้าสาวหนีงานแต่งงานเหมือนกัน ยิ่งสังคมในต่างจังหวัดเป็นสังคมที่รู้จักกันหมด ตอนนี้ทุกคนคงแต่มีคนคุยเรื่องนี้กันสนุกปาก